แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม อาการเกิดแบตเตอรี่เสื่อม
สิงหาคม 18, 2015เปลี่ยนแบตเตอร์รี่รถยนต์อย่างถูกวิธีและปลอดภัย…ทำเองได้!!
ตอนซื้อรถมาใหม่อะไรก็ดี๊ดี…แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปย่อมมีปัญหากวนใจและกระเป๋าสตางค์อย่างแน่นอน และปัญหาแบตเตอร์รี่รถยนต์หมดหรือเสื่อมนั้นก็เป็นเรื่องที่หนักใจสำหรับสุภาพสตรี หรือแม้แต่สุภาพบุรุษ ถ้าไปเปลี่ยนแบตเตอร์รี่รถยนต์ที่ร้านก็เสียดายสตางค์ แต่ถ้าจะเปลี่ยนเองก็กลัวจะมาปลอดภัย วันนี้โยนความหนักใจนั้นออกไปได้เลยเพราะมีตำตอบที่นี่แล้ว เราไปรู้จักแบตเตอร์รี่รถยนต์และวิธีเปลี่ยนแบตเตอร์รี่รถยนต์ด้วยตัวเองกันเลย Let’s go!!
แบตเตอร์รี่รถยนต์ คือ แหล่งเก็บกระแสไฟฟ้าสำรอง ที่ทำหน้าที่ป้อนกระแสไฟฟ้าเข้าสู่อุปกรณ์ต่างๆในเครื่องยนต์ เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้ตามปกติ เมื่ออุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้าอย่าง “ไดร์ชาร์ท” ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทัน แบตเตอร์รี่รถยนต์ก็จะทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้าสำรองให้แก่เครื่องยนต์แทน แต่เมื่อไหร่ที่ไดร์ชาร์ทสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ กระแสไฟที่เหลือจากการใช้งานก็จะถูกส่งกลับมาให้แบตเตอร์รี่รถยนต์เพื่อเป็นการหมุนเวียนกระแสไฟฟ้า เปรียบเสมือนการชาร์ทแบตเตอร์รี่นั่นเอง แต่ทั้งนี้แบตเตอร์รี่รถยนต์ก็อาจจะมีปัญหาการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานได้ จึงทำให้เก็บกระแสไฟฟ้าไม่อยู่ หรือเรียกง่ายๆว่า แบตเตอร์รี่หมด
อาการที่แสดงว่าแบตเตอร์รี่รถยนต์กำลังเสื่อมสภาพ
1) ไฟหน้าอ่อนลง หรือไม่สว่างเช่นเคย
2) ใช้งานแบตเตอร์รี่รถยนต์มาไม่ต่ำกว่า 1-2 ปี
3) ระบบไฟฟ้าทำงานช้าลง
4) ต้องเดิมน้ำกลั่นอยู่บ่อยๆ
5) เครื่องยนต์สาร์ทติดยาก
แบตเตอร์รี่รถยนต์มีกี่ประเภท และควรเลือกใช้แบบใด?
แบตเตอร์รี่รถยนต์มีทั้งหมด 2ประเภท คือ แบบเปียก และแบบแห้ง ซึ่งในการเลือกใช้นั้นแบตเตอร์รี่รถยนต์นั้นควรเลือกประเภทที่มีความเหมาะสมกับเครื่องยนต์ของเรา
1) แบตเตอร์รี่รถยนต์แบบเปียก คือ แบตเตอร์รี่ที่ต้องเติมน้ำกลั่น ซึ่งด้านบนของแบตเตอร์รี่จะมีฝาปิด-เปิด สำหรับเติมน้ำกลั่น และแบตเตอร์รี่รถยนต์ชนิดนี้ยังแยกออกได้อีก 2 แบบ คือ แบบเติมน้ำกลั่นอย่างน้อย 1-2 ครั้ง ต่อสัปดาห์ และ แบบไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อย (Maintenance Free) ซึ่งอายุการใช้งานของแบตเตอร์รี่รถยนต์แบบเปียกจะใช้ได้ราวๆ 1.5 – 2ปี
2) แบตเตอร์รี่รถยนต์แบบแห้ง คือ แบตเตอร์รี่ที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น ซึ่งแบตเตอร์รี่ชนิดนี้จะไม่ไม่ฝาปิด-เปิด สำหรับเติมน้ำกลั่น ข้อดีของแบตเตอร์รี่ชนิดนี้คือ แข็งแรงทนทาน อายุใช้งานยืนยาว ซึ่งมีอายุการใช้งานราวๆ 5-10 ปี และมีราคาแพง
เมื่อเรารู้จักแบตเตอร์รี่รถยนต์และอาการเสื่อมสภาพของแบตเตอร์รี่ไปแล้ว เรามาดูวิธีการเปลี่ยนแบตเตอร์รี่รถยนต์ที่แสนง่าย และปลอดภัยกันเล้ยยยย!!
อุปกรณ์
1) แบตเตอร์รี่รถยนต์ลูกใหม่
2) จารบีสำหรับแบตเตอร์รี่รถยนต์
3) ประแจสำหรับไข
4) ถุงมือ
5) เครื่องมือสำหรับช่าง
วิธีทำ
1) ก่อนที่เราจะเปลี่ยนแบตเตอร์รี่รถยนต์ ก่อนอื่นเราจะต้องจอดรถ ดับเครื่องยนต์ ใส่เบรกมือเพื่อกันรถเคลื่อนที่ และอย่าลืมดึงกุญแจออกทุกครั้ง จากนั้นเปิดฝากระโปรงรถ และใส่ทุกมือเพื่อความปลอดภัยในการเปลี่ยนแบตเตอร์รี่รถยนต์
2) ถอดสายขั้วลบออก จากนั้นตามด้วยขั้วบวก แล้วค่อยๆยกแบตเตอร์รี่รถยนต์ลูกเก่าออก ในขั้นตอนการถอดสายขั้วบอกขั้วลบสำคัญมาก คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าขั้วบวกอยู่ตรงไหน และขั้วลบอยู่ตรงไหน เพราะถ้าหากต่อสายขั้วบวก ขั้วลบ ผิดพลาด อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้
3) เมื่อนำแบตเตอร์รี่ลูกเก่าออกแล้ว จากนั้นให้นำแบตเตอร์รี่ลูกใหม่มาวางแทนที่
4) เมื่อวางแบตเตอร์รี่ลูกใหม่แล้ว ก็จัดการสวมขั้วบวก แล้วขันน็อตให้แน่น จากนั้นก็ตามด้วยขั้วลบ และก็ขันน็อตให้แน่นเช่นกัน ในขั้นตอนนี้หากขันน็อตไม่แน่นจะทำให้กระแสไฟฟ้ารั่วไหล อาจทำให้สตาร์ทรถไม่ติดหรือทำให้แบตเตอร์รี่หมด และเสื่อมสภาพไว
5) จัดการฉีดจารบีสำหรับแบตเตอร์รี่รถยนต์ลงไป เพื่อเพิ่มอายุการใช้งาน
6) ทดลองสตาร์ทรถยนต์เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
แต่ทั้งนี้ก่อนที่จะเปลี่ยนแบตเตอร์รี่รถยนต์นั้นควรนำรถยนต์ไปตรวจเช็คสภาพกับผู้เชี่ยวชาญให้ละเอียดก่อน ว่าแบตเตอร์รี่ของเราหมดอายุไขจริงหรือไม่ และในการเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ควรใส่ถุงมือทุกครั้ง เพราะในแบตเตอร์รี่มีสารต่างๆมากมาย และควรทำทุกขั้นตอนด้วยความระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย แล้วอย่าลืมตรวจเช็คสภาพรถยนต์ และดูแลเครื่องยนต์อยู่เสมอๆ เพื่อให้รถยนต์คู่ใจอยู่กับเราไปได้นานๆเนอะ